Pisit144

 

กีฬาเพาะกาย

ประวัติกีฬาเพาะกาย


ยุคแรก

ยุคแรกของกีฬาเพาะกายจะอยู่ระหว่างปีค.ศ. 1880 ถึง 1930

เพาะกาย เป็นกีฬาที่เริ่มต้นประมาณปลายศตวรรษที่ 19 โดยได้รับการสนับสนุนจากชายชาวเยอรมันชื่อ ยูจีน แซนดาว (Eugene Sandow) ผู้ที่ในปัจจุบันเรียกว่า “บิดาแห่งกีฬาเพาะกายยุคใหม่” เขาได้บุกเบิกกีฬาชนิดและได้ความช่วยเหลือในการสร้างเวทีแสดงจาก Florenz Ziegfeld ซึ่งเป็นผู้จัดการของเขา นายแซนดาว ได้ประสบความสำเร็จอย่างมาก หลังจากนั้นเขาก็ทำธุรกิจหลายอย่างทำให้เขามีชื่อเสียง และเขาก็ได้ทำการตลาดโดยใช้ชื่อของเขาเอง ทำให้เขายิ่งโด่งดังมากขึ้น และเขาก็ได้รับความนิยมจากเครื่องออกกำลังกายที่เขาทำขึ้นมาเองอีกด้วย

ยูจีน แซนดาว ได้จัดการแข่งขันเพาะกายเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กันยายน 1901 โดยเรียกการแข่งครั้งนั้นว่า “Great Competition” โดยจัดการแข่งขันที่ Royal Albert Hall ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมีกรรมการตัดสินคือ Sandow, Sir Charles Lawes, และ Sir Arthur Conan Doyle โดยการแข่งครั้งนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก รางวัลในครั้งนั้นจะเป็นรูปหล่อสีทองแดงของนายแซนดาวเอง แกะสลักโดย Frederick Pomeroy โดยผู้ชนะในครั้งนั้นคือ William L. Murray จาก Nottingham ประเทศอังกฤษ โดยในปัจจุบันการแข่งขันที่มีเกียรติมากที่สุดคือ Mr. Olympia และตั้งแต่ปี 1977 ผู้ชนะจะได้รับรางวัลรูปหล่อสีทองแดงของนายแซนดาวเช่นเดียวกัน

เมื่อวันที่ 16 มกราคม 1904 ได้มีการแข่งเพาะกายครั้งใหญ่ที่ Madison Square Garden ในกรุงนิวยอร์ก โดยมีผู้ชนะคือนาย Al Treloar และเขาได้ถูกประกาศว่าเป็นคนที่พัฒนาร่างกายดีที่สุดในโลก และยังได้รับรางวัล 1,000 ดอลลาร์อีกด้วย ต่อมา 2 สัปดาห์หลังจากนั้น โทมัส เอดิสันก็ได้สร้างหนังเกี่ยวกับการโพสของ Al Treloar และยังทำหนังอีก 2 เรื่องเกี่ยวกับนายแซนดาวในไม่กี่ปีก่อน ทำให้นั่นเป็นครั้งแรกที่มีการนำนักเพาะกายเข้าไปในภาพยนตร์ ในช่วงต้นศตวรรษ 20 นาย Bernarr Macfadden และ Charles Atlas เริ่มต้นที่จะส่งเสริมกีฬาเพาะกายไปทั่วโลก นาย Alois P. Swoboda ได้บุกเบิกในอเมริกาและเป็นคนที่นาย Charles Atlas กล่าวถึงความประสบความสำเร็จของเขาว่า “ทุกๆ สิ่งที่ผมรู้ ผมรู้มาจาก A. P. (Alois) Swoboda”

นักเพาะกายที่สำคัญในยุคแรกในช่วงปี 1930 คือ Earle Liederman (ผู้แต่งหนังสือเกี่ยวกับคู่มือการเพาะกายในยุกแรก) , Seigmund Breitbart (นักเพาะกายชาวยิวที่มีชื่อเสียง) , Georg Hackenschmidt, George F. Jowett, Maxick (ผู้บุกเบิกศิลปะในการโพสกล้ามเนื้อ) , Monte Saldo, Launceston Elliot, Sig Klein, Sgt. Alfred Moss, Joe Nordquist, Lionel Strongfort , Gustav Fristensky (แช็มป์ชาวเช็ค) , และ Alan C. Mead, ผู้ที่เป็นผู้ชนะการแข่งเพาะกายถึงแม้ว่าจะเสียขาข้างหนึ่งในสงครามโลก

[แก้]ยุคทอง

ในช่วงเวลาประมาณปี 1940 ถึง 1970 มักจะถูกเรียกว่า ยุคทอง ของกีฬาเพาะกาย เพราะว่ามีการเปลี่ยนแปลงในหลายอย่าง กีฬาเพาะกายก็ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่ายและมีการจัดการแข่งขันมากขึ้น

ในยุคนี้จะมีสถานที่สำคัญคือ Muscle Beach ใน Venice, ลอสแอนเจลิส แคลิฟอร์เนีย วึ่งในสมัยนั้นจะมีนักเพาะกายจำนวนมากรวมกันอยู่ที่นั่น โดยนักเพาะกายที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ได้แก่ สตีฟ รีฟฟ์ (Steve Reeves) (นักแสดงเรื่อง เฮอร์คิวลิส) , เร็ก ปาร์ค (Reg Park) , จอห์น กริเม็ค (John Grimek) , ลารี่ สก๊อทท์ (Larry Scott) , บิลล์ เพิร์ล (Bill Pearl) , และ Irvin "Zabo" Koszewski

Amateur Athletic Union (AAU) ได้มีการใส่การแข่งขันกีฬาเพาะกายรวมกับกีฬายกน้ำหนักในปี 1939 และในปีต่อมาการแข่งขันได้เปลี่ยนชื่อเป็น AAU Mr. America และประมาณกลางทศวรรษที่ 1940 นักเพาะกายส่วนใหญ่ไม่พอใจ AAU ตั้งแต่พวกเขาสนใจกีฬายกน้ำหนักซึ่งได้เข้าร่วมในกีฬาโอลิมปิกมากกว่า ด้วยเหตุนี้ 2 พี่น้อง เบน ไวเดอร์ (Ben Weider) และโจ ไวเดอร์ (Joe Weider) จึงได้ก่อตั้ง International Federation of BodyBuilders (IFBB) และจัดตั้งการแข่งขันขึ้นมาเองเรียกว่า IFBB Mr. America ที่เปิดนักกีฬามืออาชีพมาลงแข่งได้

ในปี 1950 ในอีกสมาพันธ์หนึ่ง คือ National Amateur Bodybuilders Association (NABBA) ได้เริ่มต้นการแข่งขัน NABBA Mr. Universe ในอังกฤษ และการแข่งขันหลักอื่นๆ Mr. Olympia ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 1965 และตอนนี้เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติสูงสุดในวงการเพาะกาย

ในช่วงแรกนั้นมีการแข่งขันเฉพาะเพาะกายชายเท่านั้น ทาง NABBA จึงมีการใส่ตำแหน่ง Miss Universe ลงไปในปี 1965 (ในที่นี้หมายถึงเพาะกายหญิง) และ Ms. Olympia ซึ่งเริ่มต้นในปี 1980


หลังจากทศวรรษที่ 1970

ในทศวรรษที่ 1970 วงการเพาะกายต้องยกย่องให้กับอาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์และภาพยนตร์ปี 1977 เรื่อง Pumping Iron โดยในช่วงเวลานี้ IFBB เริ่มมีบทบาทมากขึ้นและทำให้ AAU ต้องรั้งท้าย

National Physique Committee (NPC) ได้ถูกก่อตั้งในปี 1981 โดย Jim Manion คนที่เป็นประธานของกลุ่ม AAU Physique Committee ในช่วงนี้ NPC กลายเป็นองค์กรเพาะกายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอเมริกา และเป็นกลุ่มย่อยของ IFBB ในช่วงปลาย 1980s และช่วงต้นของ 1990s AAU เริ่มทรุดลง ในปี 1999 กรรมการของ AAU มีมติให้หยุดกิจการเกี่ยวกับกีฬาเพาะกาย

ในยุคนี้จะเริ่มเห็นการใช้ Anabolic steroid ซึ่งใช้ในทั้งเพาะกายและกีฬาอื่นๆ เพื่อต่อสู้กับการใช้ยานี้ IFBB จึงจะมีการตรวจร่างกายหาสารนี้ในร่างกายรวมถึงสารอื่นๆ แต่นักเพาะกายส่วนใหญ่ยังใช้ anabolic steroid ในการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม Congress of the United States ได้มีการควบคุมการใช้ยาชนิดนี้ในปี 1990 และมีการจัดหมวดหมู่ให้อยู่ใน Schedule III of the Controlled Substances Act (CSA)

ในปี 1990 ผู้ก่อตั้งบริษัทมวยปล้ำ Vince McMahon ได้ก่อตั้งองค์กรเพาะกายใหม่ขึ้นมาชื่อ World Bodybuilding Federation (WBF) นาย McMahon ได้นำการแสดงแบบมวยปล้ำมาผสมกับกีฬาเพาะกาย ทำให้กีฬาเพาะกายเริ่มสั่นคลอน ส่วนการตอบโต้การกระทำของ WBF นั้น Ben Weider ประธานของ IFBB ได้ทำการขึ้นบัญชีดำกับนักเพาะกายที่ได้เซ็นสัญญากับ WBF และในปีนั้นเอง ทาง IFBB ได้ระงับการตรวจสอบสาร anabolic steroid ในนักกีฬาเนื่องมีการใช้กันเป็นจำนวนมากทำให้มีปัญหาในการตรวจสอบ ในปี 1992 นาย Vince McMahon จัดการตรวจสอบการใช้ยาในนักกีฬา WBF เนื่องจากเขาและ WWF กำลังอยู่ภายใต้การสืบสวนจากรัฐบาลกลางเนื่องจากข้อหาการค้าขาย anabolic steroid โดยผลสุดท้ายนั้นคือในการแข่งขันของ WBF ในปี 1992 โดยกรรมการผู้บริหารของ McMahon เห็นพ้องต้องกัน McMahon จึงทำการยุบ WBF ในเดือนกรกฎาคม ปี 1992 เหตุผลในการยุบครั้งนี้เป็นไปได้ว่ามาจากการขาดรายได้จากการ pay-per-view broadcasts จากการแข่งขันของ WBF และจากการขาดรายได้จากการขายนิตยสาร Bodybuilding Lifestyles (ในตอนหลังกลายเป็น WBF Magazine) และจากความเสียหายจากด้านอื่นๆ อีก แต่อย่างไรก็ตามการยุบ WBF ในครั้งนี้ก็มีผลต่อ IFBB เช่นกัน แต่สุดท้ายโจ ไวเดอร์ก็ยอมรับนักเพาะกายจาก WBF กลับมา IFBB อีกครั้ง

ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ทาง IFBB พยายามที่จะทำให้กีฬาเพาะกายเข้าสู่กีฬาโอลิมปิกให้ได้ และได้จำนวนสมาชิกของ IOC ได้เต็มที่ในปี 2000 แต่ผลสุดท้ายทางคณะกรรมการโอลิมปิกก็ไม่ได้บรรจุกีฬานี้ไว้โดยให้เหตุผลว่า “การเพาะกายนั้นขณะแข่งขันไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร นอกจากมาโพสร่างกายให้กรรมการเห็นเท่านั้น” แต่นักกีฬาก็ยังแย้งว่า”ก่อนที่พวกเขาจะมาแข่งขันนั้นจะต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดีทั้งใจและกาย ฉะนั้นเพาะกายควรได้ถูกบรรจุในกีฬาโอลิมปิก”

ในปี 2003 โจ ไวเดอร์ได้ขาย Weider Publications ไปให้ American Media ซึ่งเป็นเจ้าของ The National Enquirer เบน ไวเดอร์ยังคงเป็นประธาน IFBB ในปี 2004 ผู้ส่งเสริมการแข่งขัน Wayne DeMilia ได้รับตำแหน่งในการส่งเสริม Mr. Olympia ต่อไป

 

 

แหล่งพลังงานของ นักเพาะกาย | เพาะกาย


การเพาะกาย เป็นการยกน้ำหนัก ยกลูกเหล็กเพื่อเสริมสร้างมัดกล้ามเนื้อให้ใหญ่โต ซึ่งจะไม่เหมือนแนวทางของการ Fitness หรือการออกกำลังกายทั่วๆไป ดังนั้นนักเพาะกาย ซึ่งต้องยกน้ำหนักในปริมาณมากๆร่างกายจึงมีความต้องการพลังงานมากกว่าคนปกติทั่วไป แหล่งพลังงานของนักเพาะกาย (คาร์โบไฮเดรต, โปรตีน, ไขมัน)คาร์โบไฮเดรต และโปรตีนจะให้พลังงาน 4 แคลอรี่ ส่วนไขมันให้พลังงาน 9 แคลอรี่ ในการรับประทานอาหารส่วนใหญ่นักเพาะกายจะใช้สูตร 12 15 18 ซึ่งหมายถึง 12 ใช้สำหรับการลดน้ำหนัก 15 ใช้สำหรับ ให้น้ำหนักคงตัว และ 18 ใช้สำหรับการเพิ่มน้ำหนักตัว เช่น ถ้าเราน้ำหนักตัว 80 กิโลกรัม ต้องการที่จะลดน้ำหนักตัว หรือรีดไขมันให้กล้ามเนื้อชัดเจนขึ้น ก็ให้ใช้สูตร 12 ก็คือ น้ำหนักตัวเป็นปอนด์...

เคล็ดลับกีฬาเพาะกาย

        กีฬาเพาะกายมีท่าบริหารกล้ามเนื้อมากมายหลายรูปแบบให้เลือกหากต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ส่วนใดของร่างกายก็ควรเลือก ท่าบริหารที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อนั้นๆ คือ ถ้าต้องการปรับกล้ามเนื้อบริเวณท้องด้านบน ควรเลือกท่าบริหารหน้าท้องส่วนบนและส่วนกลาง เช่น ท่าCRUNCH 1.นอนหงาย ประสานมือสอดท้ายทอย หรือการกอดอกแทนก็ได้ 2. ตอนอยู่ในจังหวะที่ 2 ให้เกร็งหน้าท้อง ไว้ประมาณ 4 วินาที 3. จากจังหวะ 1 ไปจังหวะ 2 หายใจออก ขาควรพาดไว้บนอุปกรณ์ระดับเข่าและส่วนขาไม่ควรเคลื่อนไหว เมื่อตั้งใจจะเล่นกีฬาเพาะกายให้ได้ผลดี อย่าลืมเคล็ดลับที่สำคัญที่สุดคือ 1. ก่อนการเล่นเพาะกายต้อง วอร์มอัพอบอุ่นร่างกาย กระตุ้นกล้ามเนื้อ เป็นเวลาประมาณ 30 - 40 นาที 2. เข้าสู่การเล่นเพาะกาย 3. สิ้นสุดการเล่นด้วยการคลายกล้ามเนื้อ 10 - 15 นาที ข้อควรระวังเล่นเพาะกาย

 

 

 

        อาการบาดเจ็บจากการเล่นเพาะกายจะส่งผลต่อกล้ามเนื้อ ยังมีความผิดพลาดจากการรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม เช่น ต้องการรับประทานโปรตีน จึงเลือกรับประทานเนื้อสัตว์มากเกินไป เมื่ออายุของนักเพาะกายมากขึ้นอาจได้รับการสะสมของกรดยูริค ส่งผลให้เป็นจุดเริ่มต้นของโรคเก๊าท์ ประโยชน์จากเพาะกาย

        จากรายงานของ NATIONAL INSTITUTION OF HEALTH - AMERICA “ระบุว่ากีฬาเล่นกล้าม หรือเพาะกายเป็นกีฬา ที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจมากเช่นเดียวกับวิ่งจ๊อกกิ้ง มวยปล้ำ " แต่ข้อเด่นของกีฬาเพาะกายเองก็มีมากกลายเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ทำให้กีฬาเพาะกายยังเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มชายชาตรีเสมอมา

 

 

กีฬาเปตอง

 

  เปตองเป็นกีฬากลางแจ้งประเภทหนึ่งซึ่งมีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ประวัติที่แน่นอนไม่มีการบันทึกไว้ แต่มีหลักฐานจากการเล่าสืบต่อๆ กันมาว่า กำเนิดขึ้นครั้งแรกในประเทศกรีซ เมื่อประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล โดยเก็บก้อนหินที่เป็นทรงกลมจากภูเขาและใต้ทะเลมาเล่นกัน ต่อมากีฬาประเภทนี้ได้แพร่หลายเข้ามาในทวีปยุโรป เมื่ออาณาจักรโรมันครองอำนาจและเข้ายึดครองดินแดนของชนชาวกรีกได้สำเร็จ ชาวโรมันได้ใช้การกีฬาประเภทนี้เป็นเครื่องทดสอบกำลังข้อมือและกำลังกายของผู้ชายในสมัยนั้น เราต้องช่วยกันรักษาดุเเลกันเข้าใว้

        ต่อมาเมื่ออาณาจักรโรมันเข้ายึดครองดินแดนชาวโกลหรือประเทศฝรั่เศสในปัจจุบัน ชาวโรมันก็ได้นำเอาการเล่นลูกบูลประเภทนี้เข้าไปเผยแพร่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส การเล่นลูกบูลจึงได้พัฒนาขึ้นโดยเปลี่ยนมาใช้ไม้เนื้อแข็งถากเป็นรูปทรงกลมแล้วใช้ตะปูตอกรอบๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักของลูกให้เหมาะกับมือ

 

 

        ในยุคกลางประมาณ ค.ศ. 400-1000 การเล่นลูกบูลนี้จึงเป็นที่นิยมเล่นกันแพร่หลายในประเทศฝรั่งเศษ ครั้นพอสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระองค์ได้ทรงประกาศสงวนกีฬาการเล่นลูกบูลนี้ไว้สำหรับผู้สูงเกียรติ และให้เล่นได้เฉพาะพระราชสำนักเท่านั้น

        ต่อมาในสมัยพระเจ้านโปเลียนมหาราชขึ้นครองอำนาจพระองค์ได้ทรงประกาศใหม่ ให้การเล่นลูกบูลนี้เป็นกีฬาประจำชาติของฝรั่งเศสและเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วๆ ไป ได้เล่นกันอย่างเสมอภาคทุกคน การเล่นลูกบูลนี้จึงได้มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ตลอดมา เช่น โดยการนำเอาลูกปืนใหญ่ที่ใช้แล้วมาเล่นกันบ้างอย่างสนุกสนามและเพลิดเพลิน จนมีการตั้งชื่อเกมกีฬาประเภทนี้ขึ้นมาเล่นอย่างมากมายต่างๆ กัน เช่น บูลเบร-รอตรองบูลลิโยเน่ส์บูลเจอร์ เดอร์ลอง และบลู-โปรวังซาล เป็นต้น

        ในปลายศตวรรษที่ 19 ประเทศฝรั่งเศสก็ได้เป็นประเทศแรกของโลกที่ได้ออกกฎเกณฑ์ข้อบังคับกติกาการเล่นกีฬาลูกบูลโปรวังซาลขึ้น โดยให้วิ่ง 3 ก้าวก่อนโยนลูกบูล การเล่นกีฬาประเภทนี้จึงเป็นที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายทั่วไปในประเทศฝรั่งเศส และมีการแข่งขันชิงแชมป์กันขึ้นโดยทั่วไป

 

 

        จนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ในปี ค.ศ. 1910 ตำบลซิโอต้าท์ เมืองท่ามาร์แชรด์ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส การเล่นกีฬาลูก บูล-โปรวังซาลได้มีการเปลี่ยนแปลงกติกาการเล่นขึ้นใหม่ โดยนายจูลร์-เลอนัวร์ ซึ่งเป็นผู้มีฝีมือในการเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาลเก่งกาจที่สุดในขณะนั้น และได้เป็นแชมป์โปรวังซาลในยุคนั้นด้วยแต่ได้ประสบอุบัติเหตุอย่างร้ายแรงจนขาทั้งสองข้างพิการเดินไม่ได้ไม่สามารถจะเล่นกีฬาโปรวังซาลเหมือนเดิมได้ ต้องนั่งรถเข็นดูเพื่อนๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยที่ตนเองไม่มีโอกาสได้ร่วมเล่นเลย

        วันหนึ่งขณะที่นายจูลร์ เลอนัวร์ ได้นั่งรถเข็นมองดูเพื่อนๆ เล่นเกมโปรวังซาลอย่างสนุกสนานอยู่นั้น น้องชายเห็นว่าพี่ชายมีอาการหงอยเหงาเป็นอย่างมาก น้องชายของเขาจึงได้คิดดัดแปลงแก้ไขกติกาการเล่นขึ้นใหม่ โดยการขัดวงกลมลงบนพื้น แล้วให้ผู้เล่นเข้าไปยืนในวงกลม ให้ขาทั้งสองยืนชิดติดกัน ไม่ต้องวิ่งเหมือนกีฬาโปรวังซาล ทั้งนี้โดยมีเพื่อนๆ และญาติของนาย จูลร์ เลอนัวร์ ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ นายจูลร์ เลอนัวร์ จึงได้มีโอกาสร่วมเล่นกีฬาบูล-โปรวังซาล ที่ดัดแปลงขึ้นใหม่นี้อย่างสนุกสนามและเพลิดเพลินเหมือนเดิม

 

 

        เกมกีฬาบูล-โปรวังซาล ที่ดัดแปลงขึ้นใหม่นี้ได้กำหนดขึ้นโดยมีสมาชิกครั้งแรกประมาณ 50 คน พวกเขาพยายามประชาสัมพันธ์เพื่อเผยแพร่เกมใหม่เป็นเวลาถึง 30 ปี จึงได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ หลังจากนั้นก็ได้แพร่หลายเข้าสู่นักกีฬา นักการเมือง และข้าราชการประจำในราชสำนัก จนในที่สุดก็ได้มีการก่อตั้ง "สหพันธ์ เปตองและโปรวังซาล" ขึ้นในปี ค.ศ.- 1938 จากนั้นจำนวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นแสนๆ คน มีบุคคลทุกระดับชั้นทุกเพศ ทุกวัยเข้าเป็นสมาชิก ลูกบูลที่ใช้เล่นก็มีการคิดค้นทำเป็นลูกโลหะผสมเหล็กกล้า ข้างในกลวง การเล่นจึงมีความสนุกสนานเร้าใจยิ่งขึ้นกว่าเดิม

        หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 1945 การเล่นกีฬาลูกบูล-โปรวังซาลที่ได้ดัดแปลงแก้ไขใหม่นี้ได้รับความนิยมเล่นมากขึ้น และได้แพร่หลายไปตามหัวเมืองต่างๆ อย่างรวดเร็วทั่วประเทศฝรั่งเศส ตลอดจนถึงดินแดน อาณานิคมของฝรั่งเศสอีกด้วย การเล่นกีฬาลูกบูลนี้ได้แบ่งแยกการเล่นออกได้เป็น 3 ประเภทคือ

                1. ลิโยเน่ล์

                2. โปรวังชาล (วิ่ง 3 ก้าวแล้วโยน)

                3. เปตอง (ที่นิยมเล่นในปัจจุบัน)

 

 

        กีฬาเปตองจัดแข่งขันชนะเลิศแห่งโลกขึ้นครั้งแรก เมื่อ ค.ศ.-1959 ที่เมืองสปา ประเทศเบลเยียม นักเปตองจากประเทศฝรั่งเศสได้ครองตำแหน่งชนะเลิศ

        ปัจจุบันกีฬาเปตองเป็นที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายเกือบทุกประเทศในทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย สำหรับในประเทศในทวีปเอเชีย ประเทศไทยนับเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายและกว้างขวางมากในปัจจุบัน

 

 

 

ข้อมูลจาก   http://www.thaigoodview.com

Advertising Zone    Close
 
Online:  1
Visits:  4,949
Today:  3
PageView/Month:  3

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com